18 กุมภาพันธ์ 2555

ทานมีอานิสงส์ ตามคุณสมบัติของผู้รับ


ผลจากการให้ทานนั้น  ย่อมทำให้มีอายุยืน  ผิวพรรณดี  ความสุข  ไม่มีโรคภัย  มีปัญญา  และมีทรัพย์  สำหรับทานที่ให้แก่สัตว์ทั่วไป  มีผลร้อยเท่า  แก่มนุษย์  มีผลพันเท่า  แก่ผู้มีศีล  มีผลแสนเท่า
                ส่วนทานที่ถวายแก่สมมติสงฆ์  พระอริยสงฆ์  พระพุทธเจ้า  และทานเพื่อส่วนรวม  (สังฆทาน)  มีผลหรืออานิสงส์ที่ไม่อาจนับได้โดยการคำนวณ
                    อนึ่ง  ผลบุญไม่อาจชั่ง  ตวง  วัดได้  เพราะเป็นสิ่งเกิดในจิตใจ  สั่งสมเป็นศักยภาพภายในของมนุษย์  แต่อาจจะกำหนดความน้อยความมากของผลบุญตามคุณสมบัติของผู้รับ  ดังนี้
                   ให้ทานแก่สัตว์
  ได้บุญน้อยกว่าให้คนทุศีล  (คนไม่มีศีล)
                   ให้แก่คนทุศีล  ได้บุญน้อยกว่าคนมีศีล
                   ให้แก่คนมีศีล  ได้บุญน้อยกว่า  ถวายแก่พระภิกษุ  (ปุถุชน)
                    ถวายแก่พระภิกษุ  (ปุถุชน)  ได้บุญน้อยกว่า  ถวายแก่พระอริยสงฆ์
                    ถวายแก่พระอริยสงฆ์  ได้บุญน้อยกว่า  ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า
                    ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า  ได้บุญน้อยกว่า  ถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
                    ถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้บุญน้อยกว่า  การถวายเป็นสังฆทาน  (ถวายแก่
ส่วนรวม)
               ถวายเป็นสังฆทาน  ได้บุญน้อยกว่า  วิหารทาน  (เพื่อประโยชน์แก่พระสงฆ์ผู้มาจากจตุรทิศ)
               ผลที่กล่าวข้างต้นเฉพาะอามิสทาน  ส่วนการให้ธรรมะเป็นทานมีอานิสงส์ที่คำนวณและกำหนดไม่ได้เลย  เพราะการให้ธรรมะชนะการให้ทุกอย่าง
                ฉะนั้น  พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า  การบำเพ็ญทาน  เป็นมงคลสูงสุดในชีวิต


                   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น